Tutor Eng


    English Tutoring 





1. Situation : A secretary is talking to a caller.

 Caller : This is Jim Smith. Can I speak to Mr. Johnson, please?

 Secretary : A 

Caller: B

 Secretary: I’ll tell him as soon as I see him.
 A.       1. Pardon me. I don’t know him.
             2. Can you talk to him now?
            3. I’m afraid he’s just gone out.
             4. Sorry. He doesn’t want to speak to you.

 B.       1. Could I hold on?
            2. Can you call me later?
            3. Can you ask him to return my call?
            4. Could I return his call later?

1. สถานการณ์ เลขานุการกำลังสนทนากับผู้ที่โทรศัพท์เข้ามา คำตอบข้อ A คือ 3 คำตอบข้อ B คือ 3 โจทย์ข้อ A เป็นคำตอบที่เลขานุการตอบคำถามของจิม สมิทธิ์ ที่จะขอพูดสายกับคุณจอห์นสัน ข้อ 1 เป็นการขอโทษและบอกว่าไม่รู้จัก ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่เลขานุการจะไม่รู้จักเจ้านาย ประโยค “Pardon me.” มักใช้ในสถานการณ์ดังนี้คือ 1. ขอโทษในขณะที่ทำผิด 2. ก่อนที่จะเสนอข้อคิดเห็นแย้งใน ระหว่างที่สนทนากัน 3. ขอให้คู่สนทนาพูดซ้ำอีกเมี่อฟังคำพูดของคู่สนทนาไม่ชัดเจน ข้อนี้จึงไม่ถูกเพราะ การใช้จิมคำที่ผิดและเหตุผลที่ไม่มีน้ำหนัก ข้อ 2 เป็นการถามกลับว่าจิม สมิทธิ์ จะพูดกับท่านเดี๋ยวนี้ได้ไหม ซึ่งไม่ได้เป็นการตอบรับสิ่งที่จิมถาม และนอกจากนี้ยังไม่สอดคล้องกับบทสนทนาที่ให้ไว้ ข้อนี้จึงไม่ใช่ข้อที่ถูก ข้อ 3 เป็นการตอบของเลขานุการว่า เกรงว่าท่าน (คุณจอห์นสัน) เพิ่งออกไป ข้อนี้เป็นข้อที่ถูกเพราะเป็น ข้อที่ตอบคำถามที่ตรงที่สุด ข้อ 4 เป็นการแสดงการขอโทษ / เสียใจ และบอกว่าท่าน (คุณจอห์นสัน) ไม่ต้องการพูดกับคุณ (จิม สมิทธิ์) ทั้ง ๆ ทื่เจ้านายยังไม่ทราบเลยว่ามีคนโทรศัพท์มาหา ข้อนี้จึงไม่ใช่ข้อที่ถูกเพราะไม่สมเหตุสมผล โจทย์ข้อ B เป็นการขอร้องของจิม สมิทธิ์ ซึ่งต้องสอดคล้องกับคำตอบรับของเลขานุการที่บอกว่า “ดิฉัน จะเรียนให้ท่านทราบทันทีที่เห็นท่าน” ข้อ 1 บอกว่า ผมจะถือสายรอได้ไหม ข้อนี้ไม่ถูกเพราะจิมทราบแล้วว่าเขาไม่อยู่ ข้อ 2 บอกว่า คุณจะโทรมาหาผมภายหลังได้ไหม ข้อนี้ไม่ถูกเพราะจิมต้องการพูดกับคุณจอห์นสัน ไม่ ได้ต้องการพูดกับเลขานุการ ข้อ 3 บอกว่า คุณช่วยขอให้ท่านโทรกลับมาหาผมได้ไหม ข้อนี้ถูกเพราะสอดคล้องกับคำตอบรับของ เลขานุการ ข้อ 4 บอกว่า ผมจะโทรตอบกลับไปหาท่านภายหลังได้ไหม ข้อนี้ไม่ถูกเพราะคุณจอห์นสันไม่ได้โทรหา 


2. You want to change the time you arranged to meet your friend, Bob, You phone him and say, 
    “...............” 


(a) Sorry Bob, you’ve got to give me more time. 

(b) Bob, you stood me up. What about tomorrow?

(c)  Sorry Bob, I have to see you more often. 

(d) Bob, I can’t make it at 2 o’clock. Are  free at 4? 

 2.  เหตุการณ์คือ คุณอยากเปลี่ยนเวลาที่คุณนัดไว้กับเพื่อนของคุณ คุณโทรศัำพท์ไปหาเขาและพูดว่า ....
ตอบข้อ d ค่ะ  Bob, I can’t make it at 2 o’clock. Are you free at 4? = บ๊อบ ผมไปเจอคุณตอนบ่าย คุณไม่ได้คุณว่างตอน 4 โมงมั้ยครับ 
มาดูสำนวนที่น่าสนใจกันค่ะ stand somebody up = ไม่มาตามที่นัดไว้ ปล่อยให้เรารอเก้อ (เป็น informal จ้้า)
สำนวน make it นี่ก็มีหลายความหมาย ถ้าบอกว่า I can make it at 2 pm. ก็คือฉันมาเจอคุณได้ตอนบ่าย 2 แต่ในตัวเลือกเป็น I can’t make it ก็คือฉันมาตอนบ่าย 2 ไม่ได้น๊า ขอเป็นตอน 4 โมง ว่างมั้ย?


(3.) Situation : A secretary is talking to a caller.
Caller : This is Jim Smith. Can I speak to Mr. Johnson, please?
Secretary :__ A__
Caller:__ B__
Secretary: I’ll tell him as soon as I see him.
A. 1. Pardon me. I don’t know him.
     2. Can you talk to him now?
     3. I’m afraid he’s just gone out.
     4. Sorry. He doesn’t want to speak to you.
B. 1. Could I hold on?
    2. Can you call me later?
    3. Can you ask him to return my call?
    4. Could I return his call later?
3. สถานการณ์ เลขานุการกำลังสนทนากับผู้ที่โทรศัพท์เข้ามา
คำตอบข้อ A คือ 3 I’m afraid he’s just gone out.
คำตอบข้อ B คือ 3 3. Can you ask him to return my call?
โจทย์ข้อ A เป็นคำตอบที่เลขานุการตอบคำถามของจิม สมิทธิ์ ที่จะขอพูดสายกับคุณจอห์นสัน
ข้อ 1 เป็นการขอโทษและบอกว่าไม่รู้จัก ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่เลขานุการจะไม่รู้จักเจ้านาย ประโยค “Pardon
me.” มักใช้ในสถานการณ์ดังนี้คือ 1. ขอโทษในขณะที่ทำผิด 2. ก่อนที่จะเสนอข้อคิดเห็นแย้งใน
ระหว่างที่สนทนากัน 3. ขอให้คู่สนทนาพูดซ้ำอีกเมี่อฟังคำพูดของคู่สนทนาไม่ชัดเจน ข้อนี้จึงไม่ถูกเพราะ
การใช้คำที่ผิดและเหตุผลที่ไม่มีน้ำหนัก
ข้อ 2 เป็นการถามกลับว่าจิม สมิทธิ์ จะพูดกับท่านเดี๋ยวนี้ได้ไหม ซึ่งไม่ได้เป็นการตอบรับสิ่งที่จิมถาม
และนอกจากนี้ยังไม่สอดคล้องกับบทสนทนาที่ให้ไว้ ข้อนี้จึงไม่ใช่ข้อที่ถูก
ข้อ 3 เป็นการตอบของเลขานุการว่า เกรงว่าท่าน (คุณจอห์นสัน) เพิ่งออกไป ข้อนี้เป็นข้อที่ถูกเพราะเป็น
ข้อที่ตอบคำถามที่ตรงที่สุด
ข้อ 4 เป็นการแสดงการขอโทษ / เสียใจ และบอกว่าท่าน (คุณจอห์นสัน) ไม่ต้องการพูดกับคุณ (จิม
สมิทธิ์) ทั้ง ๆ ทื่เจ้านายยังไม่ทราบเลยว่ามีคนโทรศัพท์มาหา ข้อนี้จึงไม่ใช่ข้อที่ถูกเพราะไม่สมเหตุสมผล
โจทย์ข้อ B เป็นการขอร้องของจิม สมิทธิ์ ซึ่งต้องสอดคล้องกับคำตอบรับของเลขานุการที่บอกว่า “ดิฉัน
จะเรียนให้ท่านทราบทันทีที่เห็นท่าน”
ข้อ 1 บอกว่า ผมจะถือสายรอได้ไหม ข้อนี้ไม่ถูกเพราะจิมทราบแล้วว่าเขาไม่อยู่
ข้อ 2 บอกว่า คุณจะโทรมาหาผมภายหลังได้ไหม ข้อนี้ไม่ถูกเพราะจิมต้องการพูดกับคุณจอห์นสัน ไม่
ได้ต้องการพูดกับเลขานุการ
ข้อ 3 บอกว่า คุณช่วยขอให้ท่านโทรกลับมาหาผมได้ไหม ข้อนี้ถูกเพราะสอดคล้องกับคำตอบรับของ
เลขานุการ
ข้อ 4 บอกว่า ผมจะโทรตอบกลับไปหาท่านภายหลังได้ไหม ข้อนี้ไม่ถูกเพราะคุณจอห์นสันไม่ได้โทรหา
จิม
______________________________________________________________________________
(4). Situation : Sunisa, a Thai student, just got off the plane at Heathrow Airport
in London and is asking an official on duty for help.
Sunisa: Excuse me, __A__ the Thai Embassy?
Official:___ B___
Sunisa: Thank you very much.
A. 1. could you tell me how to get to
    2. would you kindly take me to
    3. did this coach normally stop at
    4. do you know when this bus stops at
B. 1. Our taxi drivers are very helpful and polite.
    2. It won’t take long to get there.
    3. You can buy a ticket on the bus.
   4. That coach will take you there.
4. สถานการณ์ สุนิสาซึ่งเป็นนักเรียนไทยเพิ่งลงจากเครื่องบินที่สนามบินฮีทโรว์ในลอนดอน
กำลังขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานอยู่
คำตอบข้อ A คือ 1could you tell me how to get to
คำตอบข้อ B คือ 4 That coach will take you there.
 โจทย์ข้อ A  เป็นคำถามที่สุนิสาถามเกี่ยวกับสถานทูตไทย คำถามที่สมเหตุสมผลที่สุดก็ต้อง
เกี่ยวกับวิธีการไป                                                                                                                                   ข้อ 1 บอกว่า คุณช่วยบอกฉันได้ไหมว่าจะไปสถานทูตไทยได้อย่างไร เป็นข้อที่ถูก เพราะจะ
สอดคล้องกับคำตอบของเจ้าหน้าที่ในบทสนทนา
ข้อ 2 บอกว่า คุณช่วยกรุณาพาฉันไปสถานทูตไทยได้ไหม ข้อนี้ไม่ถูกเพราะคงเป็นไปไม่ได้ที่
ใครจะขอให้เจ้าหน้าที่พาไป
ข้อ 3 บอกว่า รถยนต์โดยสารทางไกลคันนี้ปกติแล้วเคยจอดที่สถานทูตไทยใช่ไหม ข้อนี้ไม่ถูก
เพราะไม่สมเหตุสมผลที่สุนิสาจะต้องไปถามเจ้าหน้าที่
ข้อ 4 บอกว่า คุณทราบไหมว่าเมื่อไหร่ที่รถประจำทางคันนี้จอดที่สถานทูตไทย ข้อนี้ไม่ถูก
เพราะไม่สมเหตุสมผลเช่นกัน
  โจทย์ข้อ B เป็นคำตอบที่เจ้าหน้าที่ตอบคำถามของสุนิสาเกี่ยวกับการไปสถานทูตไทย
ข้อ 1 บอกว่า คนขับแท็กซี่ของเราชอบช่วยเหลือและสุภาพเรียบร้อย ข้อนี้ไม่ถูก เพราะไม่
เกี่ยวกับการไปสถานทูตเลย และไม่สอดคล้องกับคำพูดของสุนิสาที่ถามมา
ข้อ 2 บอกว่า มันไม่ต้องใช้เวลามากที่ไปที่นั่น ข้อนี้ไม่ถูกเพราะสุนิสาไม่ได้ถามว่าสถานทูต
อยู่ใกล้หรือไกล
ข้อ 3 บอกว่า คุณสามารถซื้อตั๋วได้บนรถประจำทาง ข้อนี้ไม่ถูก เพราะไม่ได้ตอบคำถามของ
สุนิสา
ข้อ 4 บอกว่า รถโดยสารที่วิ่งทางไกลคันนั้นจะพาคุณไปที่นั่น ข้อนี้ถูก เพราะตอบคำถาม
โดยให้ข้อมูลว่าจะไปถึงสถานทูตได้อย่างไร
_________________________________________________________________________
(5.) Situation : Prasert is trying to talk Tom into going to a football match with him.
Tom : My favorite football team from England is playing
against the Thai National team this Sunday. I really
want to go, but__ A__
Prasert : Oh, come on. Go with me. __B__
A.  1. I’m sure I’ll enjoy it.
      2. it’s too late for me to go.
      3. all the tickets are sold out.
      4. my assignment is due on Monday.
B.  1. Don’t you like football?
      2. You shouldn’t hand in the work late.
      3. There won’t be another match like this.
     4. We shouldn’t pay anything extra for tickets.
5. สถานการณ์ ประเสริฐพยายามพูดชักชวนทอม ให้ไปดูการแข่งขันฟุตบอลกับเขา
ทอม : ทีมฟุตบอลจากอังกฤษที่ผมชอบ จะมาเล่นกับทีมชาติไทยวันอาทิตย์นี้
ผมอยากไปดูจริงๆ แต่ A
ประเสริฐ : โธ่ ไปกับผมเถอะ B
คำตอบข้อ A คือ 4 my assignment is due on Monday.
คำตอบข้อ B คือ 3 There won’t be another match like this.
  โจทย์ข้อ A คำตอบที่ถูกต้องแย้งกับข้อความที่มาข้างหน้า เนื่องจากมี but เป็นตัวเชื่อม
ข้อ 1 บอกว่า ผมมั่นใจว่าผมจะสนุกกับการแข่งขัน ข้อนี้ไม่ถูก เพราะความหมายสอดคล้อง
กับประโยคที่มาก่อน
ข้อ 2 บอกว่า มันสายไปแล้วที่ผมจะไป ข้อนี้ไม่ถูกเพราะยังไม่ทันถึงวันแข่งขัน
ข้อ 3 บอกว่า ตั๋วขายหมดแล้ว ข้อนี้ก็ไม่ถูก ถึงแม้ว่าจะเป็นการแย้งกับประโยคที่มาก่อนก็
ตาม แต่เนื้อหาไม่สอดคล้องกับประโยคสุดท้ายที่ประเสริฐพูด
ข้อ 4 บอกว่า การบ้านของผมถึงกำหนดส่งวันจันทร์ ข้อนี้ถูกเพราะว่าให้ข้อมูลแย้งว่าไปไม่ได้
เพราะอะไร
  โจทย์ข้อ B คำตอบที่ถูกจะต้องเป็นคำพูดของประเสริฐที่ขยั้นขยอให้ทอมไปกับเขา
ข้อ 1 บอกว่า คุณไม่ชอบฟุตบอลหรอกหรือ ข้อนี้ไม่ถูก เพราะเป็นการย้อนถามทั้งๆ ที่ทราบ
อยู่แล้วว่าเขาชอบ
ข้อ 2 บอกว่า คุณไม่ควรส่งงานช้า ข้อนี้ไม่ถูกเพราะไม่ได้เป็นการชวนแต่เป็นการ
ห้ามปรามเสียด้วยช้ำ
ข้อ 3 บอกว่า จะไม่มีการแข่งขันอื่นที่จะเหมือนครั้งนี้ ข้อนี้ถูก เพราะเป็นการโน้มน้าว
ชักชวนให้ทอมไปให้ได้
ข้อ 4 บอกว่า ไม่ควรจ่ายค่าตั๋วเพิ่ม ข้อนี้ไม่ถูกเพราะไม่สอดคล้องกับบทสนทนา และ
ไม่ได้เป็นการชักชวน แต่เป็นการห้าม
________________________________________________________________________
(6.) Situation : Miss Jones, an American tourist, is telling her friend, Tommy,
about her problem.
Miss Jones : Tommy, my bag was stolen, and__ A__
Tommy: __B__ Do you know when it happened?
Miss Jones: I just realized it a moment ago.
A. 1. I lost my passport and all my money.
    2. I should have brought my bag with me.
    3. I wonder where I can find my belongings.
    4. I don’t remember where I kept my passport.
B. 1. What’s the matter?
     2. How shameful!
     3. How unfortunate!
    4. That’s your problem.
6. สถานการณ์ มิสโจนส์ชึ่งเป็นนักท่องเที่ยวชาวอเมริกันกำลังเล่าปัญหาของเธอให้
ทอมมี่ชึ่งเป็นเพื่อนฟัง
มิสโจนส์ : ทอมมี่ กระเป๋าฉันถูกขโมย
ทอมมี่ : เธอรู้ไหมมันเกิดขึ้นเมื่อไหร่
มิสโจนส์ : ฉันเพิ่งรู้เมื่อสักครู่นี้เอง
คำตอบข้อ A คือ 1 I lost my passport and all my money.
คำตอบข้อ B คือ 3How unfortunate!
  โจทย์ข้อ A สิ่งที่มิสโจนส์บอกทอมมี่ต้องเป็นเรื่องเกี่ยวกับกระเป๋าที่ถูกขโมยเพราะ
มี and เป็นตัวเชื่อมประโยค
ข้อ 1 บอกว่า ฉันสูญหนังสือเดินทางและเงินทั้งหมด ข้อนี้ถูกเพราะเป็นการให้ราย
ละเอียดว่าอะไรหายไปบ้าง
ข้อ 2 บอกว่า ฉันควรเอากระเป๋ามากับตัวด้วย ข้อนี้ไม่ถูกเพราะเป็นการใช้สมมติฐาน
กับเหตุการณ์ที่ผ่านมาแล้วในอดีต ซึ่งจากในบทสนทนาเราทราบว่าเธอเอากระเป๋า
มาด้วยถึงได้ถูกขโมย
ข้อ 3 บอกว่า ฉันสงสัยว่าจะไปหาของส่วนตัวได้ที่ไหน ข้อนี้ไม่ถูกเพราะไม่เกี่ยวกับ
เรื่องกระเป๋าที่ถูกขโมย
ข้อ 4 บอกว่า ฉันจำไม่ได้ว่าเก็บหนังสือเดินทางไว้ที่ไหน ข้อนี้ไม่ถูกเพราะไม่ได้
เกี่ยวกับเรื่องที่กระเป๋าถูกขโมย และไม่ต่อเนื่องกับคำพูดของทอมมี่ที่ตามมา
  โจทย์ข้อ B คำตอบควรเป็นการแสดงความเห็นอกเห็นใจของทอมมี่ที่มีต่อเพื่อน
ข้อ 1 บอกว่า “เกิดอะไรขึ้น” ข้อนี้ไม่ถูกเพราะเพื่อนบอกแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น
ข้อ 2 บอกว่า “น่าอายจริง” ข้อนี้ไม่ถูกเพราะเป็นการซ้ำเติม ไม่ได้แสดงความเห็นใจ
ข้อ 3 บอกว่า “ช่างเคราะห์ร้ายจริง” ข้อนี้ถูกเพราะเป็นการแสดงความเห็นอกเห็นใจ
ข้อ 4 บอกว่า “นั่นเป็นปัญหาของเธอ” ข้อนี้ไม่ถูกเพราะแสดงความไม่สนใจใยดี
กับเพื่อนเลย
___________________________________________________________________
 (7.) Situation : Ploy is a tour guide from TT Tour waiting to meet a customer at
the airport.
Ploy : You are Mr. Richards, aren’t you? I’m Ploy
from TT Tour.
___A___
Mr. Richards: ___B___ Have you been waiting long?
A. 1. Here is my friend.
    2. Have a nice trip.
    3. Welcome to Bangkok.
    4. Please follow the way.
B. 1. Thank you.
    2. With pleasure.
    3. Sure, I will.
   4. That’s fine.
7. สถานการณ์ พลอยเป็นมัคคุเทศก์จากทีทีทัวร์กำลังรอลูกค้าอยู่ที่สนามบิน
พลอย : คุณคือคุณมาร์คใช่ไหมค่ะ ดิฉันชื่อพลอยจากทีทีทัวร์ค่ะ A
ริชาร์ด: B คุณมาคอยนานไหมครับ
คำตอบข้อ A คือ 3 Welcome to Bangkok.
คำตอบข้อ B คือ 1 Thank you.
   โจทย์ข้อ A คำตอบควรจะเป็นการแสดงการต้อนรับหลังจากที่ได้แนะนำตัวแล้ว
ข้อ 1 บอกว่า นี่คือเพื่อนของฉัน ข้อนี้ไม่ถูกเพราะผิดปกติที่มัคคุเทศก์จะมาแนะนำ
แขกให้รู้จักเพื่อน และไม่ได้บอกว่าเพื่อนชื่ออะไร
ข้อ 2 บอกว่า ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพ ข้อนี้ไม่ถูกเพราะเป็นประโยคที่ใช้อวย
พรคนที่จะเดินทาง ไม่ใช่สำหรับคนที่เดินทางมาถึงแล้ว
ข้อ 3 บอกว่า ยินดีต้อนรับสู่กรุงเทพ ข้อนี้ถูกเพราะเป็นการแสดงการต้อนรับแขกที่มาเยือน
ข้อ 4 บอกว่า โปรดเดินไปตามทาง ข้อนี้ไม่ถูกเพราะมัคคุเทศก์มีหน้าที่ดูแลแขก และคงจะไม่
สั่งให้แขกเดินไปเอง
   โจทย์ข้อ B คำตอบที่ถูกจะต้องเป็นคำขอบใจที่มัคคุเทศก์กล่าวคำต้อนรับ
ข้อ 1 บอกว่า ขอบใจ ข้อนี้ถูกเพราะเป็นธรรมเนียมที่ชาวตะวันตกจะกล่าวเมื่อมีคนมาแสดง
การต้อนรับ
ข้อ 2 บอกว่า ด้วยความยินดี ข้อนี้ไม่ถูกเพราะประโยคนี้จะใช้เมื่อมีคนมากล่าวขอบคุณที่เรา
ได้ช่วยเหลือเขา
ข้อ 3 บอกว่า แน่ละ ฉันจะ ข้อนี้ไม่ถูก เพราะไม่สอดคล้องกับบทสนทนา และไม่ทราบว่าฉัน
จะทำอะไร
ข้อ 4 บอกว่า ดีเยี่ยมจริง ๆ ข้อนี้ไม่ถูกเพราะไม่มีอะไรจะให้กล่าวชม
_________________________________________________________________________
 (8.) Situation : Dave and Pete are talking about their plans for tonight.
Pete: Tonight I’m going to study for our English test.___ A___
Dave: No, thanks.___ B___
A. 1. What would you like to do now?
     2. Will you come to the library with me?
     3. When will you study for it?
     4. Is it important for us to study?
B. 1. I’m going to the movies tonight.
    2. I haven’t decided yet.
    3. I don’t want anything tonight.
    4. I’ll follow you.
8. สถานการณ์ เคนและพีทกำลังคุยกันเรื่องจะทำอะไรคืนนี้
พีท : คืนนี้ฉันจะดูหนังสือสำหรับการทดสอบวิชาภาษาอังกฤษของเรา A
เดฟ : ไม่ละ ขอบใจ B
คำตอบข้อ A คือ 2Will you come to the library with me?
คำตอบข้อ B คือ 1 I’m going to the movies tonight.
   โจทย์ข้อ A คำตอบจะต้องเป็นคำถามที่ต้องการให้ตอบรับหรือปฏิเสธ
ข้อ 1 บอกว่า ขณะนี้เธออยากทำอะไร ข้อนี้ไม่ถูกเพราะเดฟไม่ได้บอกว่าอยากทำอะไร แต่
ตอบปฏิเสธ
ข้อ 2 บอกว่า เธอจะไปห้องสมุดกับฉันไหม เป็นการถามที่จะต้องตอบรับหรือตอบปฏิเสธว่า
จะไปหรือไม่ไป ข้อนี้ถูกเพราะตรงกับคำตอบของเดฟที่ให้ไว้
ข้อ 3 บอกว่า เมื่อไรเธอจะดูหนังสือเพื่อสอบ เป็นการถามที่ต้องการคำตอบเป็นวันเวลา แต่
ไม่ใช่ตอบรับหรือปฏิเสธ ข้อนี้จึงไม่ถูก
ข้อ 4 บอกวา่ มนั สำคญั สำหรบั เราไหมทจี่ ะดหู นงั สอื เพอื่ สอบ ขอ้ นไี้ มถ่ กู เพราะถงึ แมจ้ ะตอ้ งการ
คำตอบที่ตอบรับหรือตอบปฏิเสธก็ตาม แต่ประโยคก็ไม่สอดคล้องกับประเด็นที่คุยกัน
  โจทย์ข้อ B คำตอบจะต้องเป็นเหตุผลที่เดฟบอกพีทว่าทำไมถึงปฏิเสธการชวนไปห้องสมุด
ข้อ 1 บอกว่า ฉันจะไปดูหนังคืนนี้ ข้อนี้ถูกเพราะเป็นเหตุผลที่เดฟไปด้วยไม่ได้
ข้อ 2 บอกว่า ฉันยังไม่ได้ตัดสินใจเลย ข้อนี้ไม่ถูกเพราะไม่มีเหตุผลที่จะบอกว่าไม่ไปเพราะ
ยังไม่ตัดสินใจ
ข้อ 3 บอกว่า ฉันไม่ต้องการอะไรทั้งนั้นคืนนี้ ข้อนี้ไม่ถูก เพราะพีทไม่ได้ถามว่าเขาต้องการ
อะไร เป็นการตอบที่ไม่ตรงบระเด็น
ข้อ 4 บอกว่า ฉันจะตามเธอไป ข้อนี้ไม่ถูกเพราะค้านกับคำตอบที่ให้ไว้
_______________________________________________________________________________
  (9.) Situation : Usa is a new Thai student at a college in America. Mary, her roommate,
is telling her about the college library.
Mary : During final exam week,___ A___
Usa : ____B____ In Thailand, most university libraries are
open only until 8.00 p.m.
A. 1. I like to study in the library after class.
     2. the main library is open 24 hours a day.
     3. you must show your ID card when you take a book.
     4. the library has a lot of science journals.
B. 1. How could they?
     2. Dear me!
     3. Of course!
    4. How convenient!
9. สถานการณ์ อุษาซึ่งเป็นนักเรียนไทย เข้ามาเป็นนักศึกษาใหม่ของวิทยาลัยแห่งหนี่งในอเมริกา
แมรี่ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมห้องกำลังเล่าให้เธอฟังถึงเรื่องห้องสมุดของวิทยาลัย
แมรี่ : ในอาทิตย์ที่มีการสอบไล่ A
อุษา : B ในบระเทศไทย ห้องสมุดมหาวิทยาลัยเปิดจนถึง 2 ทุ่ม
คำตอบข้อ A คือ 2 the main library is open 24 hours a day.
คำตอบข้อ B คือ 4the library has a lot of science journals.
   โจทย์ข้อ A คำตอบต้องเป็นข้อมูลเกี่ยวกับเวลาทำการของห้องสมุด เพราะในข้อมูลที่อุษาให้
แมรี่เป็นข้อมูลของมหาวิทยาลัยในประเทศไทย
ข้อ 1 บอกว่า ฉันชอบไปดูหนังสือในห้องสมุดหลังเลิกเรียน ข้อนี้ไม่ถูกเพราะไม่สอด
คล้องกับคำพูดของอุษาเรื่องเวลาทำการของห้องสมุด
ข้อ 2 บอกว่า ห้องสมุดกลางเปิดตลอด 24 ชม. ข้อนี้ถูกเพราะเป็นข้อมูลที่นักศึกษา
ใหม่ควรจะทราบ อีกทั้งยังสอดคล้องกับคำพูดของอุษาด้วย
ข้อ 3 บอกว่า เธอต้องแสดงบัตรประจำตัวเมื่อหยิบหนังสือขึ้นมาดู ข้อนี้จึงไม่ถูก
เพราะไม่สมเหตุสมผล
ข้อ 4 บอกว่า ห้องสมุดมีวารสารวิทยาศาสตร์เป็นจำนวนมาก ข้อนี้ไม่ถูกเพราะห้อง
สมุดที่อื่นก็มีวารสารวิทยาศาสตร์เป็นจำนวนมากได้เช่นกัน
   โจทย์ข้อ B คำตอบที่ถูกควรเป็นการแสดงความประทับใจหรือชื่นชม
ข้อ 1 บอกว่า เขาทำได้อย่างไร ข้อนี้ไม่ถูกเพราะแสดงความไม่เชื่อ เป็นสิ่งที่เป็น
ไปไม่ได้
ข้อ 2 บอกว่า ตายจริง ข้อนี้ไม่ถูกเพราะเป็นคำอุทานแสดงการตกใจ
ข้อ 3 บอกว่า แน่นอน ข้อนี้ไม่ถูก เพราะเป็นคำที่ใช้ในการสนับสนุน ยืนยันว่าเป็น
เช่นนั้นจริง ๆ
ข้อ 4 บอกว่า สะดวกจริง ๆ ข้อนี้ถูกเพราะเป็นการแสดงความประทับใจ
_____________________________________________________________________________
  (10.) Situation : Paul is telling Weena about his problem.
Paul : ___A___ Someone must have entered my office.
Weena:___ B___ But have you checked with your secretary?
A. 1. I wish you could find all my papers in time.
     2. These reports haven’t been completed.
     3. My belongings are well kept in the cabinet.
     4. All the important documents are missing from my folder.
B. 1. That’s it.
     2. How boring!
     3. Don’t mention it.
     4. I’m sorry to hear that.
10. สถานการณ์ พอลเล่าให้วีณาฟังถึงปัญหาของเขา
พอล : A ต้องมีใครบางคนได้เข้ามาในห้องทำงานของผม
วีณา : B ว่าแต่ว่าคุณได้ตรวจสอบกับเลขานุการของคุณแล้วหรือยัง
คำตอบข้อ A คือ 4All the important documents are missing from my folder.
คำตอบข้อ B คือ 4I’m sorry to hear that.
   โจทย์ข้อ A คำตอบจะต้องเป็นข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้นและทำให้พอลเชื่อ
ว่ามีคนเข้าไปในห้องทำงานของเขา
ข้อ 1 บอกว่า ผมอยากให้คุณหาเอกสารของผมทั้งหมดเจอทันเวลา ข้อนี้ไม่ถูกเพราะ
ไม่สอดคล้องกับประโยคต่อมาที่เขาพูด
ข้อ 2 บอกว่า รายงานเหล่านี้ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ ข้อนี้ไม่ถูกเพราะไม่สอดคล้องกับ
เรื่องที่เขาสงสัยว่ามีคนเข้ามาในห้องทำงาน
ข้อ 3 บอกว่า ของส่วนตัวของผมเก็บอย่างดีอยู่ในตู้ ข้อนี้ไม่ถูกเพราะค้านกับคำพูด
ในประโยคต่อมา
ข้อ 4 บอกว่า เอกสารสำคัญทั้งหมดหายไปจากแฟ้มของผม ข้อนี้ถูกเพราะสอด
คล้องกับคำพูดในประโยคต่อมา
   โจทย์ข้อ B ควรจะเป็นการแสดงความเสียใจที่เพื่อนประสบปัญหา
ข้อ 1 บอกว่า ถูกแล้ว ข้อนี้ไม่ถูกเพราะเป็นการคล้อยตามเห็นด้วย
ข้อ 2 บอกว่า น่าเบื่อ ข้อนี้ไม่ถูกแสดงความไม่มีมารยาท ส่อความรำคาญ
ข้อ 3 บอกว่า ไม่เป็นไร ข้อนี้ไม่ถูกเพราะเป็นคำพูดที่ใช้ในการตอบขอบคุณของคนอื่น
ข้อ 4 บอกว่า เสียใจที่ได้ยินข่าวนี้ ข้อนี้ถูกเพราะเป็นคำพูดที่แสดงความเห็นอกเห็นใจ
__________________________________________________________________________
  (11.) Situation : A student wants to see his instructor, Mr. Benson.
Student : Excuse me, Mr. Benson.___ _A___
Mr. Benson :____ B___ Oh, yes. I won’t be doing anything then.
A. 1. Don’t you have any free time at all?
     2. What time will you be free ?
     3. I wonder if you would be available at two this afternoon.
    4. Would you mind if I came to see you when you are available?
B. 1. Please do.
    2. Let me see.
    3. Please take a look.
   4. I have plenty of time.

11. สถานการณ์ นักเรียนต้องการที่จะพบมิสเตอร์เบนสันซึ่งป็นอาจารย์
นักเรียน : ขอโทษครับอาจารย์เบนสัน A
อาจารย์เบนสัน : B โอได้สิ ครูไม่ได้ทำอะไรตอนนั้น
คำตอบข้อ A คือ 3 I wonder if you would be available at two this afternoon.
คำตอบข้อ B คือ 2 Let me see.
   โจทย์ข้อ A ต้องเป็นการนัดหมายเวลาที่จะมาพบอาจารย์
ข้อ 1 บอกว่า อาจารย์จะไม่มีเวลาใดว่างเลยหรือครับ ข้อนี้ไม่ถูกเพราะเป็นคำพูดที่ไม่เหมาะ
สม เป็นการกล่าวบททั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้ถามอาจารย์เลยว่าจะว่างเมื่อไหร่
ข้อ 2 บอกว่า เวลาไหนที่อาจารย์จะว่าง ข้อนี้ไม่ถูกเพราะจะไม่สอดคล้องกับคำพูดของอาจารย์
ที่ให้ไว้
ข้อ 3 บอกว่า ผมอยากทราบว่าอาจารย์จะว่างตอนบ่าย 2 โมงนี้ไหมครับ ข้อนี้ถูกเพราะเป็น
การถามอย่างสุภาพและบ่งบอกเวลาที่ต้องการจะมาพบด้วย ซึ่งสอดคล้องกับคำตอบรับของ
อาจารย์
ข้อ 4 บอกว่าจะเป็นไรไหมครับถ้าผมจะมาหาเมื่ออาจารย์ว่าง ข้อนี้ไม่ถูกเพราะถึงจะเป็นการ
ถามที่สุภาพแต่คำถามก็ไม่สอดคล้องกับคำตอบของอาจารย์
  โจทย์ข้อ B คำตอบจะต้องเป็นเรื่องเวลาที่อาจารย์ต้องตรวจสอบก่อนว่าว่างหรือไม่
ข้อ 1 บอกว่า เชิญทำ ข้อนี้ไม่ถูกเพราะไม่ทราบว่าทำอะไร
ข้อ 2 บอกว่า ขอให้ครูดูก่อน ข้อนี้ถูกเพราะอาจารย์จะต้องตรวจสอบว่าว่างหรือไม่ตามเวลา
ที่นักเรียนขอมา
ข้อ 3 บอกว่า เชิญมาดู ข้อนี้ไม่ถูกเพราะไม่ทราบว่าจะให้นักเรียนดูอะไร
ข้อ 4 บอกว่า ครูมีเวลาเยอะมาก ข้อนี้ไม่ถูกเพราะไม่ได้บอกว่าว่างหรือไม่
____________________________________________________________________________
   (12.) Situation : Mr. Hill is returning Supa’s writing assignment to her. He has
given her an A for it.
Mr. Hill : Supa, here is your writing assignment.
___A___
Supa: ___B___
Mr. Hill: You deserve it.
A. 1. Try to keep up with your work.
     2. Did anybody help you do it?
     3. You have to spend a lot more time on this.
     4. You’ve really done a very good job!
B. 1. Are you sure you like it?
     2. That’s very kind of you.
     3. It is a difficult assignment.
     4. I don’t believe you!

12. สถานการณ์ มิสเตอร์ฮิลคืนงานเขียนให้สุภา เขาให้เธอเกรดเอ
มิสเตอร์ฮิล : สุภา นี่คืองานเขียนของเธอ A
สุภา : B
มิสเตอร์ฮิล : เธอสมควรได้มัน
คำตอบข้อ A คือ 4 You’ve really done a very good job!
คำตอบข้อ B คือ 2That’s very kind of you.
       โจทย์ข้อ A คำตอบจะต้องเกี่ยวกับงานเขียนของสุภา ซึ่งควรจะเป็นคะแนนที่ได้
ข้อ 1 บอกว่า พยายามไล่ตามให้ทันงานของเธอ ข้อนี้ไม่ถูกเพราะไม่ได้มีความหมายสอด
คล้องกับสถาณการณ์ที่นักเรียนได้เกรดเอ
ข้อ 2 บอกว่า มีใครช่วยเธอทำมันหรือเปล่า ข้อนี้ไม่ถูกเพราะไม่สอดคล้องกับคำตอบรับของ
สุภา
ข้อ 3 บอกว่า เธอควรใช้เวลามากกว่านี้ที่จะทำสิ่งนี้ ข้อนี้ไม่ถูกเพราะการใช้กริยาในรูปของ
present tense แสดงว่าจะต้องเป็นงานที่ยังไม่ได้ทำ แต่ในบทสนทนานักเรียนส่งงานแล้ว
และอาจารย์กำลังคืนงานที่ตรวจเสร็จแล้วให้นักเรียน
ข้อ 4 บอกว่า เธอทำได้เยี่ยมมาก ข้อนี้ถูกเพราะเป็นคำติชมที่อาจารย์จะต้องให้เมื่อคืนงาน
นักเรียน
      โจทย์ข้อ B จะต้องเป็นคำตอบที่ตอบรับคำติชมของอาจารย์
ข้อ 1 บอกว่า อาจารย์แน่ใจหรือคะ ว่าชอบมัน ไม่ถูกเพราะเป็นการย้อนถามอาจารย์
ข้อ 2 บอกว่า เป็นความกรุณาของอาจารย์ ข้อนี้ถูกเพราะเป็นคำที่แสดงการขอบคุณเมื่อมีใคร
ทำอะไรให้ และเรารู้สึกในความกรุณาเมตตาของเขา
ข้อ 3 บอกว่า ในเป็นงานที่ยากมาก ข้อนี้ไม่ถูกเพราะเป็นการบ่นแทนที่จะขอบคุณอาจารย์
ข้อ 4 บอกว่า ฉันไม่เชื่อเธอ (ดิฉันไม่เชื่ออาจารย์หรอก) ข้อนี้ไม่ถูกเพราะเสียมารยาท เป็น
การแสดงความไม่เชื่อคำพูดของอาจารย์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น